Review Everyday routines for caring my skin ( cleaning face off)


 ปกติสาวๆที่แต่งหน้าน่าจะต้องแต่งหน้าอย่างน้อยๆ 5 วันต่อสัปดาห์เลย
ใช่มั้ยล้าา หวานก็แต่งทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้านเลย
ถ้าเรียน 5 วัน ก็แต่งหน้า 5 วันโล้ดดด
ซึ่งพยายามจะมีพักผ่อนหน้าเดย์อาทิตย์ละ 2 วันไรงี้ 
แต่ถ้าเสาร์อาทิตย์ ไหนต้องออกนอกบ้านก็แต่งวนไปค่ะ 

แต่งหน้าหนักขนาดนี้เคยสงสัยมั้ย ว่าล้างหน้ากันยังไง
 วันนี้หวานจะมาแชร์วิธีล้างหน้าของหวานแหละ 

จุดสำคัญของการแต่งหน้าบ่อยๆ แต่ยังอยากรักษาผิวหน้าให้ดีอยู่
หวานว่าไม่ใช่แค่ใช้ของดี ครีมดีๆมาแพงๆมาประโคมบำรุงให้ผิวดี้ดี
ขั้นตอนที่สำคัญมากๆๆๆๆ ที่สุดจริงๆคือการล้างหน้าให้สะอาดเนี่ยแหละ 
ห้ามมองข้ามเด็ดขาดเพราะการล้างหน้าไม่สะอาดเท่ากับเราเอาสิ่งสกปรกเข้านอนไปด้วย 
ไม่อยากจะนึกถึงตอนตื่นมาตอนเช้าว่าน่าจะโทรมหนักขนาดไหน
เคยเผลอหลับแบบลืมล้างหน้า ตื่นเช้ามาหน้าพังสุดจริงๆ 
ไม่ควรทำอย่างยิ่ง


สเต็บล้างหน้าของคนแต่งหน้า 
ห้ามเสต็บเดียวจบด้วยโฟมล้างหน้าเด็ดขาดดด
สิวมาแน่ๆ ต้องใช้คลีนซิ่งก่อนทุกครั้ง ทาแค่กันแดดก็ต้องใช้คลีนซิ่งนะ
โดยปัจจุบันมีคลีนซิ่งให้เลือกหลากหลายประเภทมากๆ
แบบ นม บาลม์ ออยด์ น้ำ บลาๆ 
ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและสภาพผิวหน้าด้วย
สำหรับหวานผิวผสมหน้ามันและแห้งในเวลาเดียวกัน+เป็นสิวง่ายมาก
ถ้าโดนอะไรเคลือบๆผิว สิวจะถามหาอย่างรวดเร็ว 
ฉะนั้น คลีนซิ่งประเภทนม น้ำมัน หรือบาลม์จะเป็นโซนที่ต้องหลีกเลี่ยง


หวานจะล้างแบบแห้ง เปียก แห้ง 4 ขั้นตอน

1.แห้งคือล้างโดยการเช็ดด้วยสำลี 
1.1 ล้าง point make up หรือ Water proof 
ด้วย ใช้สำลีเช็ดโดยใช้คลีนซิ่งแบบออยด์ก่อน
พวกผลิตภัณฑ์ Water proof เมคอัพทุกอันจะล้างออกด้วย คลีนซิ่งน้ำไม่ออก
หรือออกยากมากๆ สำหรับหวานใช้มาสคาร่ากันน้ำทุกวันแน่ๆ 
เคยใช้คลีนซิ่งน้ำถูทุกวันๆมานาน พบว่าตาเหี่ยวและช้ำเฉยๆเลย พึ่งมาสังเกตตัวเอง 
ตอนนี้ค้นพบหนทางใหม่เปลี่ยนมาใช้แบบน้ำมันล้างก่อน 
ดีมากแบบว่าทีเดียวอยู่ลื่นปรื้ดด ไม่ต้องถูตาไปมาอย่างแต่ก่อน
ถนอนหนังตามาก รู้สึกตาเริ่มเหี่ยวน้อยลงแล้ว ดีใจ
สำลี ตอนนี้ใช้อันนี้ 
Lameila Natural cotton

สำลีต้องเป็นแบบแผ่นรีดขอบเท่านั้น ซึ่งใช้วนไปวนมาหลายยี่ห้อ
ยี่ห้อรู้สึกใช้แล้วประหยัดคลีนซิ่งและโทนเนอร์มากๆ มี 2 ด้านด้วย
เป็นแบบตาข่าย1 ด้าน เช็ดแล้วไม่เป็นขุยแน่นอน
ไปลองงง 5/5 ดีจริง

คลีนซิ่ง 1028

ใช้แบบน้ำมันล้วนจะเป็นสิวแน่นอน สำหรับอันนี้เป็นแบบผสมน้ำมันกับน้ำก็ถือว่าใช้ได้
หวานลองเช็ดทั่วหน้าแล้วก็ไม่เป็นสิวนะ ใช้ได้
หวานจะทั่วหน้าเฉพาะวันที่รองพื้นแน่นมากแต่ถ้าวันปกติก็หลีกเลี่ยงการใช้ทั้งหน้าดีกว่า 
เขย่าจนผสมกันก่อนใช้นะ
หลักๆหวานจะใช้เฉพาะตาที่ตากับปาก หรือทั่วผิวหน้าในบางวัน
ดีมากก ราคาดีซื้อมาตอน 2 แถม 1 ด้วย คุณภาพดีมากๆ
ไม่แสบตาแน่นอน 100% ไม่เคยเจอยี่ห้อไหนเป็นแบบนี้มาก่อน
ล้างออกง่ายมาก แตะค้างไว้ 10 วิ รูดออกข้างๆ 
ใช้ 1 แผ่น/1 ข้าง ใช้แบบชุ่มๆสำลี ออกหมดจด
5/5

1.2 ต่อมาเช็ดด้วยคลีนซิ่งแบบน้ำต่อเลยย เช็ดทั่วๆหน้า 
จะเช็ดจนกว่าสำลีจะขาวสะอาด หน้าหายมัน จัดไปชุ่มๆ 3-4 แผ่น
ปัญหาของคลีนซิ่งน้ำคือหลังจากลองใช้มานับไม่ถ้วน 
มีหลายยี่ห้อแสบหน้ามากๆ ขออนุญาตยกตัวอย่างอันที่ใช้แล้วไม่แสบผิวหน้า


 ฺBioderma เลย อันดับ 1 ในใจ
จริงๆมีขวดใหญ่ด้วยแต่ไม่ได้เดินออกไปหยิบมา หวานใช้สูตรสีแดง
เป็นขวดที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ต่ำๆน่าจะประมาณ 4 ขวด
ผิวหน้าไม่แสบ ไม่แห้ง ใช้ได้นาน ล้างพวก water prof ออกนะ
แต่ใช้เวลานิดนึง+เปลื้องนิดนึง เช็ดปุบนอนปับได้เลย
ราคาแรงแต่ดีจริงบอกไม่ถูกกว่าดีกว่ายังไง 
แต่กลับมาใช้ยี่ห้อนี้ทุกครั้ง

Dupe ของ bioderma นาทีนี้
ให้ Garnier ใช้แทนกันได้จริงๆ แบบจริงๆ 
ไม่แสบหน้า ประสิทธิภาพ สัมผัส เดียวกันมาก
แบบอู้วหู้ว เป๊ะ จนเกือบแยกไม่ออก ในราคาที่สบายกว่ามากก
พึ่งขวดแรก ซื้อต่อ

NU ก็ดีนะ ไม่ได้ราคาคุยแต่อย่างใด 
เป็นวอเตอร์ไม่กี่อันที่สามารถพา water prof หลุดออกได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
สะดวกดีค่ะ ถ้าแบบไม่สเต็บ 1.1 ก่อน สามารถข้ามมา 1.2 
ด้วย NU ได้ คือทางเลือกที่ดีมาก ตอบโจทย์คนขี้หลายสเต็บ 
ขวดเล็กขวดที่ 4 เช่นกัน

Derclema
ได้ฟรีมา ไม่แสบผิว ล้างออกได้ดี แต่กลิ่นไม่ไว้เคลียร์ ผ่านไป5555 
แต่ถ้าเช็ดปุบไปล้างหน้าอยู่ดีแหละ กลิ่นก็ไม่ได้มีปัญหากับชีวิตอะไรมากนะ
ไม่เสียใจที่ได้ลองนะเพราะล้างได้ดี 
แต่ขวดเดียวพอแล้ว น่าจะไม่ซื้อต่อเพราะกลิ่นเนี่ยแหละ

คอนเฟิร์มว่าทุกอันข้างต้นเช็ดได้ดี และไม่แสบผิวทุกอัน 
ทุกอันล้างได้ใกล้เคียงกันใช้แทนกันได้ อยากให้เลือกตามบัตเจทเป็นหลักเนอะ
เพราะใช้ปริมาณเยอะ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสะอาดอยู่แล้ว
โดยสเต็บน้ำนี้เลือกแค่อันเดียวต่อการใช้ 1 ครั้งพอนะ 
หวานจะใช้สลับๆกันตามตำแหน่งขวด ว่าอันไหนวางอยู่ใกล้มือไรงี้

ซึ่งการเช็ดแห้งซ้ำ 2 หน น้ำมัน --> น้ำ อาจจะดูซ้ำซ้อน
แต่ถ้าผิวเสี่ยงเป็นสิวง่าย หรือมีแนวโน้มจะแพ้น้ำมันควรทำ 2 เสต็บนะ

2. ล้างหน้าแบบเปียกหรือล้างหน้าปกติอ่ะแหละ
หลังจากเช็ดหน้าด้วยสำลีและคลีนซิ่งเรียบร้อยแล้ว ก็จะล้างหน้าตามปกติ
เป็นสเต็บเดียวกับวันที่ไม่ได้แต่งหน้า หวานใช้
เจลของ
Acne aid สีแดง
ขวดที่ 10 ล่ะมั้ง เลือกสีแดงเพราะหอมกว่า 
ไม่ได้หอมแบบดอกไม้ไรงี้นะ หอมแบบเวชสำอางค์เนี่ยแหละ 
ดีค่ะบอกไม่ถูกว่าดีกว่ายี่ห้ออื่นยังไง
เพราะไม่ได้ใช้ยี่ห้ออื่นนานมากแล้วใช้แล้ว
หน้านุ่ม ไม่ลื่น ไม่เอี้ยด พอดีๆ รู้สึกผิวไม่โดนรบกวนดี

3. ล้างแห้งอีกครั้ง ด้วยการเช็ดสำลีใส่โทนเนอร์
เช็ดโทนเนอร์เป็นก่ำกึ่งระหว่างบำรุงกับทำความสะอาดแหะ
ซึ่งเป็นการเช็คตัวเองอีกครั้งว่าล้างหน้าทั้งหมดนี้ สะอาดชัวร์แน่ๆ


mentholatum acne toner
เป็นโทนเนอร์แบบน้ำผสม powder แนะนำมากๆสำหรับคนที่กำลังจะเป็นสิวหรือเป็นสิวอยู่
เชื่อผมดีจริงๆ ใช้มาตั้งแต่สมัยมัธยมนู่นนน รีเพจเกจจากแบบขวดใสมาขวดขุ่น 
กลิ่นดีหอมแบบสุขภาพดีไรงี้ แต่หวานไม่ได้ใช้ทุกวันนะ เพราะผิวหน้าจะถูกเตรียมไปทางแห้ง
ถ้าวันไหนอยากแต่งหน้าแบบไม่มีความมันหรือจะเป็นสิว ถึงจะเลือกใช้อันนี้

Yves Rocher cleanser, HYDRATING RADIANCE TONER
เป็นโทนเนอร์ที่เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว เป็นเทสเตอร์ที่ได้มาเวิร์คจริงๆค่ะ 
ชุ่มชื่นจริงๆผิวดูอิ่มน้ำสุด แม้จะไม่ทาครีมต่อเลย
แต่ดูราคาแล้วสู้ไม่ไหว ยอมแพ้ กลับไปทาครีมเฉยๆก็ได้ 5555

ซึ่งส่วนใหญ่สเต็บโทนเนอร์ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง ไม่ใช่สาระสำคัญ
เพราะคิดว่าล้างได้สะอาดดีแล้ว ตั้งแต่คลีนซิ่งเพราะเช็ดจนสำลีขาวสะอาดเลย


จบแล้วค้าาา 
เพื่อนมีวิธีการล้างหน้ายังไง สามารถแชร์กันได้นะคะ 


XOXO

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น